วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

CMI600 CMI661

OK ครับตอนนี้ เราได้หยุดขายเครื่องรุ่นนนี้ไป 5 เดือนกว่าแล้ว และมาตั้ง line ของสินค้าใหม่ ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บบทความ ที่เราเคย พูดถึงข้อเสียรุ่นนี้ไว้นะครับ เพราะเชื่อได้ว่า ทาง HIP ก็ดันสินค้ารุ่นอื่นๆขึ้นมาทดแทนสินค้ารุ่นนี้เช่นเดียวกัน .. และขอให้ทุกท่านที่ใช้งานรุ่นนี้อยู่รอดปลอดภัยกันทุกคนนะครับ ส่วนลูกค้าเดิมที่ใช้สินค้า รุ่นนี้ ทางเรายังให้บริการหลังการขายอย่างเต็มที่เช่นเดิมนะครับ ไม่ได้ทอดทิ้งหนีหายไปไหน .. ยังอยู่ครับ ยังอยู่ เพียวแต่เราไม่จำหน่ายมันอีกแล้วเท่านั้น CMI600 , CMI661

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

โดนก๊อบอีกแล้วกรู ...

ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ HIP มากมายนะครับ แค่เซงนิดๆ วันนี้มีคนของที่นั้นแวะเข้ามาเอกสารต่างๆเข้ามาให้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ว่างๆเลยนั่งอ่านเอกสารเล่นๆ ไปไปมาๆ อ้าวมาเจอข้อความที่คุ้นๆ เหมือน มันเป็น copyrigth ของตัวเองที่นั่งคิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ หลายเดือนแล้ว ... มันคุ้นๆมากๆ

และแล้วก็งานเข้าจริงๆ ..

ทำไมต้องสแกนใบหน้า ?

 เพราะการใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือ ยังมีข้อจำกัด สำหรับบางหน่วยงาน เช่นบริษัท ที่ทำงานเกี่ยวกับ สารเคมี อู่ทำสีรถ บริษัททำความสะอาดแลอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ประสบความสำเร็จในการใช้งานลายนิ้วมือบันทึกเวลา กลุ่มบริษัทดังกล่าวนี้มีแนวโน้มที่จะสแกนนิ้วได้ยาก หรือสแกนไม่ได้เลย การใช้ระบบสแกนใบหน้าสามารถช่วยได้ สามารถป้องกันการบันทึกเวลาแทนกันได้ ที่สำคัญระบบสแกนใบหน้ามีความเร็วในการสแกนเพียง 1 วินาที เท่านั้น


คุ้นมากเลย กรูนั่งคิดอยู่ตั้งนานเลยนะประโยคนี้ ...

ดูกันได้ที่นี่ 


http://www.timeaccesssolution.com/cgi-bin/index.pl?category=product&page=facescan&lang=thai


มันเป็น จั่วหัว ..นั่งนึกกว่าจะเรียงร้อยมาเป็นประโยคได้ ..


แต่นี้ ที่นี่เลย แมร่งงง ทำกันได้ (ออกแนวเถื่อนนิดๆ)

http://www.hip.co.th/hip-rad-innovation-2012/903-hip-r-and-d-innovation-2012/136-why-do-we-need-face-scan-technology.html



จั่วหัวมาแต่ไกลเลย .. ก๊อบกรูไปทั้งดุ้น .. นะเสริมอีกนิดอีกหน่อยก็ไม่ว่า เห็นแล้วมันคันแข่ว ... (ลาวนิดๆ)


ฝากถึงผู้จัดทำเนื้อลงเอกสารลงเว็บของ HIP ด้วยเถอะครับ ขอร้องล่ะ ผมเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของคุณ แต่บางรุ่นก็ไม่ได้จำหน่ายแล้ว ขอความกรุณาอย่ามาก๊อบของผมไปเลย เห็นใจผมเถอะนะครับ อะไรที่เราเป็นเจ้าของหรือคิดออกมา ดูแป๊บเดียวมันก็รู้วามาจากเรา ...


ขอความกรุณา เถอะนะครับ ผมรู้ว่าทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากทำใจ ..
แต่ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้บ่อยๆนะครับ เพราะเห็นแล้วมันปวดใจ 



แต่ถ้าจะเอาข้อความไปใช้งาน แจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้ link กับมากันบ้างก็ดี 
อย่างนี้ ก็คงไม่ว่ากัน แต่รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าท่านคงไม่ทำ ...


:P




วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

ไทม์ แอคเซส โซลูชั่น เตรียมลงพื้นที่มองสิ่งขอให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมปี 54


นับเป็นอีกหนึ่งพันธะกิจของเรา ไทม์ แอคเซส โซลูชั่น ผู้จำหน่ายระบบ Finger scan หรือเครื่องสแกนลายนิ้วมือ และ เครื่องสแกนใบหน้า กับการช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ซึ่งเหตุการณ์ภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2554 นี้ ทางไทม์ แอคเซศ โซลูชั่นก็ได้ตระหนักความลำบากทุกข์ยากของพี่น้องชาวไทยที่ประสบปัญหาน้ำ ท่วม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของ ไทม์ แอคเซส จะลงพื้นที่กันในวันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2554 นี้ ซึ่ง ตอนนี้อยู่ ในระหว่างดำเนินการจัดเตรียมสิ่งของ และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่มีฐานะเป็นผู้ตอบแทนให้สังคมไทยอีกใน โอกาสต่อๆไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความคืบหน้าหรือภาพเหตุการณ์อื่นทางผู้ดูและเว็บจะนำเสนอในโอกาสต่อๆไป เมื่อเราลงพื้นที่เรียบร้อย

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อย่าโม้ให้มาก ..

ไม่ได้แวะเข้ามาเข้ามาอัพเดดเนื้อหาบล็อกเพราะติดหน้าที่การงาน แน่นอนก็เพราะว่า ลูกค้าเยอะ แต่ก็ทยอยไล่ ให้ข้อมูลการใช้งาน การ support ช่วยเหลือทีมงาน เร็วบ้างช้าบ้างตามปัญหา และความเข้าใจของผู้ใช้ บางวันเจอลูกค้า เก่งคอมก็ง่ายหน่อยคุยไม่นานก็เข้าใจ แต่บางรายไม่ค่อยเก่งคอมก็ต้องให้ความรู้ + พยายามสอนทำความเข้าใจ เพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อครั้งหน้าจะได้ทำเป็น ... ยอมรับว่ามีตกหล่นบ้าง ตามบางโอกาส ตามเวลา พนักงานคนอื่นก็เหมือนกัน เพราะบางที ลูกค้าอยากคุยกับคนที่เคยคุยด้วยเสมอเพราะจำได้ ..

แต่แอบไปเห็นบ้างเจ้า (ผู้ขาย) เรียกว่าโม้ก็แล้วกัน เราอย่างนั้นเราอย่างนี้ เรามี ... เรา ... ตรงนี้ ไม่ได้มีอัคตินะ การตลาดผมพอเข้าใจ สร้างถอยคำสำบทสำนวนอ่านแล้วน่าเชื่อถือ เรา .. เรา .. มี ... 24 ชั่วโมง ... ตามสบายล่ะครับ พนักงานทุกคนก็คน โดนบังคับให้ทำงาน รับโทรศัพท์ 24 ชั่งโมง ไม่รู้ล่ะใครจะซวยได้ถือมือในวันนั้นก็แย่หน่อย ไม่มีเวลาที่เป็นส่วนตัว หลับนอนต้องมาคอยรับโทรศัพท์ บ้าไปแล้ว .. ... ไม่ต้องโม้ให้มาก เพราะว่า โม้แล้วทำไม่ได้ เสียคำพูดเปล่า ..

ส่วนใครอยาก โม้ต่อไปก็ตามใจ ... ที่นี่ เต็มที่เต็มใจ เต็มเวลา ไม่ขอโม้ให้มากเกินความจริง

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

เครื่องสแกนลายนิ้วมือของคุณคนนั้นนะที่ขายอยู่ แพงไปหรือเปล่าครับ

จั่วหัวแบบกวนๆ กับคำถามสั่นๆว่า แพงไปไหม ราคานี้เว่อร์ไปหรือเปล่า ตรงนี้ผมไม่ได้เจาะจงไปที่เครื่องสแกนลายนิ้วมือรุ่นใดเป็นพิเศษนะครับ เพราะเจาะจงเป็นชื่อรุ่น ชื่อยี่ห้อโดยตรงก็คงไม่ดี แต่เอาเป็นว่าในตลาดเครื่องสแกนลายนิ้วมือ มีมากมายหลายรุ่น หลายราคา ตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักหลายๆหมื่น เลยล่ะ

แน่นอนหลายๆหมื่นนี่ ก็ต้องมีดีล่ะ ดีตรงไหนไม่ทราบแต่ที่แน่ๆรู้สึกว่ามันแพงไป จะยี่ห้อดีสุดล้ำเก็บข้อมูลได้เป็นแสนเป็นหมื่นเป็นล้าน หลักๆมันก็สแกนนิ้วลงเวลา เปิดปิดประตูเหมือนกันนี่ล่ะ เก็บได้เป็นแสนๆนิ้ว แต่มีพนักงานอยู่ ไม่เกิน 100 คน มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยยยยยย ถ้าใช้แล้วพาบินไปดาวอังคารได้ก็ว่ากันไปนะ

สำหรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อรุ่นแพงนี้ไม่ว่ากันเลยครับ เงินใครเงินมัน บ.ใคร บ. มัน รักษาผลประโยชน์กันเอาเอง แต่ผมอยากให้ข้อสังเกตกันไว้สักนิดนะครับ เครื่องสแกนนิ้วมือนี้ เป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกันกับเครื่องคอมพิวเตอร์ คือมันจะมี CPU มีหน่วยความจำ มีหน่วยแสดงผล และการเชื่อมต่อ หลายอย่างนี่ถอดแบบการทำงานของระบบ Micro computer มาเลย และถ้าเป็นเช่นนี้นั้นก็เท่ากับว่า เครื่องสแกนลายนิ้วมือ มีโอกาสที่จะตกรุ่นได้เร็วๆมากๆเหมือนกัน เพราะเทคโนโลยีเกี่ยวกับ เซมิคอนดักเตอร์มันโตแบบก้าวกระโดดมากๆ

นั้นเลยเป็นที่มาที่ไปว่า ซื้อแพงไว้ก่อน เผื่อสำหรับอนาคต หรือจะเอาพอดีกับที่ใช้งานในราคาที่เหมาะสมดีกว่ากันอันนี้ล่ะข้อคิด และอีกอย่าง เมื่อเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิค นั้นก็สรุปได้ว่า ขอพวกนี้มีโอกาสพัง ได้แบบไม่มีเงื่อนไขเหมือนกัน เหมือนๆกันไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง

เครื่องสแกนนิ้วมือ 1 เครื่อง ซื้อเครื่องสแกนนิ้วมือรุ่นอื่นยี่ห้ออื่นได้ 3 เครื่องก็มี สำหรับท่านที่กำลังมองหาเครื่องสแกนลายนิ้วมือหรือกำลังตัดสินใจจะซื้อมาใช้ ก็ลองเอาข้อมูลที่เสนอไว้ไปคิดต่อดูนะครับ งานนี้ไม่มีเชียร์ ไม่เจาะจงว่าเอารุ่นไหนดี แต่มองให้กว้างๆนิดนึง

และอีกอย่างที่สำคัญ ของพวกนี้ราคามันมีแนวโน้มถูกลงอยู่เรื่อยๆอยู่เช่นกัน ซื้อมาแพง ใช้งานไปตกรุ่นหาอะไหร่ไม่ได้ ได้ทิ้งเครื่องซื้อใหม่ทั้งๆที่ซื้อมาแพงก็ได้ นะ